พื้นไวนิล / พื้นกระเบื้องยาง ต้องดูแลรักษา และ ใช้งานอย่างไร พื้นถึงจะใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
การที่เราจะเลือกพื้นไวนิลสำหรับใช้งานภายในบ้านนั้น ผู้ใช้งานควรจะคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลักที่สามารถตอบโจทย์ให้กับคุณมากที่สุด คือพื้นที่เข้ากับการใช้งานของคุณได้ดีมากที่สุด ซึ่งทั้งพื้นไวนิลแบบติดตั้งด้วยกาว และ พื้นไวนิลแบบติดตั้งด้วยระบบคลิ๊ก ต่างเป็นที่ถกเถียงกันตลอดว่าแบบไหนดีกว่ากัน อยากรู้ว่าพื้นไหนจะเป็นผู้ชนะ มาดูกันเลย
พื้นไวนิลที่มีการติดตั้งแบบกาว เป็นการติดตั้งที่ง่ายที่สุด และ ประหยัดที่สุดด้วย ด้วยค่าสินค้าที่ถูกกว่าเกือบ 2 เท่า จึงไม่แปลกใจที่ใครหลายคนนิยมในพื้นไวนิลแบบติดตั้งด้วยกาวนี้
มาตรฐานพื้นไวนิล / พื้นกระเบื้องยาง
ความหนา 3.0 มม. (Thickness)
ชั้นปกป้องผิวหน้า 0.3 มม. (Wear Layer)
หมายเหตุ
*ผิวหน้าทนทานเท่ากับพื้นคลิ๊ก – เนื่องจากพื้นคลิ๊กไวนิลส่วนใหญ่ มีชั้นปกป้องผิวหน้าที่หนา 0.3 มม. จึงทำให้มีความทนทานเท่าพื้นไวนิลรุ่นมาตรฐานที่มีชั้นปกป้องผิวหน้าที่ 0.3 มม. เท่ากัน จึงทำให้ความทนทานของผิวหน้ามีอายุการใช้งานที่เท่ากัน ในราคาที่ประหยัดกว่าเกือบ 2 เท่า
**สามารถนำกลับมาติดตั้งใหม่ได้ – พื้นไวนิลทากาวที่รื้อมาบางรุ่น ด้วยการรื้อที่ถูกวิธีจะสามารถนำกลับมาใช้งานได้ใหม่หลังจากรื้อได้เหมือนกัน แต่ต้องนำไปทำความสะอาดด้วยน้ำให้ดี และ ขจัดคราบปูน หรือ กาว ให้หมดไปแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (แต่ด้วยการรื้อที่ยุ่งยาก และ ราคาที่ถูก จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก)
***คุ้มค่ากว่าในระยะยาว – การติดตั้งพื้นไวนิลแบบทากาวจะประหยัดและคุ้มค่ามากกว่าการติดตั้งด้วยพื้นคลิ๊กไวนิลในระยะยาว เพราะ ราคาที่คุณสามารถซื้อพื้นไวนิลแบบทากาวได้ถึง 2 ครั้ง ในราคาพื้นคลิ๊กไวนิลเพียงครั้งเดียว, การดูแลรักษาที่ง่ายกว่า ซึ่งสามารถติดตั้งได้หลากหลายรูปแบบ และ เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ห้องของคุณไม่น่าเบื่ออีกด้วย
พื้นไวนิลที่มีการติดตั้งด้วยระบบคลิ๊ก จะใช้ระบบคลิ๊กในการติดตั้ง การติดตั้งเลยไม่มีกลิ่น สามารถติดตั้งได้ง่าย แม้มีพื้นที่ชื้น
มาตรฐานพื้นคลิ๊กไวนิล / พื้นคลิ๊กกระเบื้องยาง
ความหนา 4.0 มม. (Thickness)
ชั้นปกป้องผิวหน้า 0.3 มม. (Wear Layer)
พื้นคลิ๊กที่มีความหนาไม่ถึง 4 มม. มักมีปัญหา/พังไว เพราะปัจจัยเหล่านี้
1) ระบบคลิ๊กไม่มีลิขสิทธิ์ / ลิ้นพังไว – เพราะความหนาที่น้อย ลิ้นคลิ๊กเลยต้องเล็กตาม ทำให้ลิ้นหักง่าย และเกี่ยวกันไม่แน่นเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดร่องไว
2) ความหนาไม่ได้ตามมาตรฐานสากล – ความหนาที่ 4.0 มม. คือมาตรฐานสากล จึงทำให้พื้นคลิ๊กไวนิลสามารถใช้งานได้นานถึง 10+ ปี
3) สินค้าลดปริมาณ คุณภาพจึงลดตาม – เพราะไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน พื้นคลิ๊กที่หนาน้อยกว่า 4.0 มม. จึงเสื่อมสภาพไวกว่า โอกาสหดตัวสูง
4) การติดตั้งไม่เรียบร้อย – ติดตั้งไม่นานก็เกิดร่องได้ง่าย มีโอกาสโก่ง หลุดออกจากกัน ไม่สวยงาม
5) อายุการใช้งานน้อย – ราคาถูกกว่าตัวมาตรฐานไม่มาก แต่ความสามารถในการใช้งานต่างกันจนไม่คุ้มค่าในระยะยาว
หมายเหตุ
*รักษาสมมาตรได้ดี – พื้นคลิ๊กไวนิลสามารถรักษาสมมาตรได้ดีเพราะชั้น Glass Fiber ภายในพื้นไวนิลคลิ๊ก ที่ช่วยในการรักษาสมดุลพื้นให้พื้นมีอตราการหดที่น้อยลงกว่าพื้นไวนิลรุ่นทากาว ซึ่ง Glass Fiber มีหลายเกรดที่ช่วยรักษาสมมาตรพื้นที่ต่างกัน
**ติดตั้งได้รวดเร็วกว่า – พื้นคลิ๊กไวนิลไม่จำเป็นต้องเตรียมพื้นผิวมากนัก จึงทำให้ติดตั้งได้ง่ายแม้พื้นที่ชื้น ซึ่งต่างจากพื้นไวนิลแบบทากาวที่ต้องเตรียมสภาพพื้นผิวและรอกาวให้พร้อมก่อนติดตั้ง
***นำกลับมาติดตั้งใหม่ได้ – พื้นคลิ๊กไวนิลสามารถนำมารื้อถอนได้ง่าย แต่การรื้อถอนต้องระมัดระวังระบบคลิ๊กไม่ให้หัก หรือ บิ่น เพราะพื้นที่รื้อมาอาจนำมาใช้ติดตั้งอีกไม่ได้ หรือ ติดตั้งแล้วไม่แนบสนิทเหมือนการติดตั้งครั้งแรก
****มีอายุการใช้งานนานกว่า –
#พื้นไวนิลทากาว #พื้นคลิ๊กไวนิล #พื้นไวนิลคลิ๊ก #พื้นกระเบื้องยางคลิ๊ก #พื้นคลิ๊กกระเบื้องยาง #พื้นกระเบื้องยาง #พื้นกระเบื้องยางลายไม้ #พื้นคลิ๊ก #พื้นไวนิลลายไม้
พื้นไวนิล / พื้นกระเบื้องยาง ต้องดูแลรักษา และ ใช้งานอย่างไร พื้นถึงจะใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
สีพื้นที่คุณชอบ บอกนิสัยของคุณได้ และ สีพื้นที่ใช่จะทำให้ห้องของคุณโดดเด่นยิ่งขึ้น
พื้นผิวหน้ามีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ แต่แบบไหนละที่จะเหมาะกับสไตล์การใช้งานของคุณ มาเรียนรู้จุดเด่นของผิวหน้าทั้ง 3 ชนิดกัน